สวัสดีชาวออนไลน์ทุกท่านช่วงนี้ นายออนไลน์ กลับมาเขียนบทความอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปนาน และมีผู้ติดตามอ่านบทความกว่าหมื่นราย ว้าว!!! (ขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจและสละเวลามาอ่านบทความของนายออนไลน์กันล้นหลาม
วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งกระแสสำคัญของโครงการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยเหลือประชาชนคนไทยที่กำลังประสบปัญหาจาก COVID-19 ต่อเนื่องจากโครงการ เงินเยียวยา 5,000 ที่อกมาก่อนหน้านี้และได้ใจพี่น้องชาวไทยกันถ้วนหน้า (แต่ทางก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบสักเท่าไหร่) เพราะเล่นเอากระแสทำให้คนไทยเข้าไปใช้สิทธิ์กันจนระบบเว็บ “เราไม่ทิ้งกัน” และภายในไม่กี่นาที สิทธิ์ก็เต็ม จนทำให้ประชาชนบางส่วนที่เขาเดือดร้อนจริงๆ ยังไม่มีโอกาศได้รับสิทธิ์ รัฐก็หาทางออกหลากหลายทางจนผ่านพ้นปัญหานั้นมาได้
เอาละมาวันนี้รัฐออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนมาอีกรอบคือ “โครงการคนละครึ่ง”
เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ร้านค้ารายย่อย เป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในองค์รวม พูดง่ายๆว่าให้คนไทยออกมาใช้เงินกันนั่นแหล่ะ แต่จะมาแจกเงินอย่างเดียวก็คงไม่มีเงินพอจะแจก และอาจจะไม่ได้ประโยชน์กับประชาชนบางส่วนเลยมีความคิดง่ายๆ ที่ว่า เรามาจ่ายคนละครึ่ง กันจะได้ทั้งคนได้สิทธิ์ และแม่ค้าพ่อค้าก็จะได้ขายได้เงินอีกด้วย
แต่ดันแปลกตรงที่ว่า พอโครงการนี้เปิดให้ประชาชนลงทะเบียน วันแรก 16 ต.ค. 63 และร้านค้าลงทะเบียน 1 ต.ค. 63 ที่ผ่านมานั้น วันแรก เงียบมากประชาชนอาจจะไม่ทราบว่า จะใช้ยังไงและไม่มั่นใจว่าเว็บ “คนละครึ่ง” จะล่มเหมือนทุกครั้งหรือเปล่า ผลออกมา เงียบมาก สิทธิ์เหลือเพียบ แต่พอหลังจากวันที่ที่เปิดให้ใช้งานวันแรก 23 ต.ค. 63 มีประชาชนและพ่อค้าแม่ค้า บางส่วนใช้กันแล้วได้ผลจริง พ่อค้าแม่ค้าก็ได้ขายสินค้าเพิ่มขึ้น คนซื้อก็จ่ายน้อยลง เพราะรัฐจ่ายให้ครึ่งนึงของยอดซื้อทั้งหมดแต่ไม่เกินวันละ 150 บาท (ถ้ารวมกับครึ่งของเราก็อีก 150 รวม 300 บาท/วัน) พูดกันปากต่อปากว่าใช้ได้จริงจ่ายจริง พ่อค้าแม่ค้าขายอะไรก็ได้ไม่ต้องมีเอกสารอะไรเลย ขายผัก,ขายหมู,ขายลูกอม,ขายลูกชิ้น ฯลฯ สามารถใช้งานได้หมด
ทีนี้ละเกิดการอยากใช้ทั่วประเทศ คนก็แห่ไปลงทะเบียนในเว็บ “คนละครึ่ง” จนสิทธิ์ที่เหลือหมดลงภายในไม่กี่นาทีเท่านั้น ต่อมาจาการตรวจสอบสิทธิ์ของระบบฐานข้อมูลของรัฐ ทำให้บางรายการสิทธิ์ไม่ตรงตามเงื่อนไขก็ตีตกไปเป็น สิทธิ์ใหม่ ที่เหลือ และรัฐจึงเปิดลงทะเบียนรอบที่ 2 อีกครั้งในวันที่ 11 พ.ย. 63 ที่ผ่านมา เริ่มเปิดให้ลง เวลา 06.00 น. ทันทีที่เปิด เว็บก็ล่มทันทีและระบบขัดข้องจนเวลา 08.00น.
ทางเพจเฟซบุ๊กธนาคารกรุงไทยโพสต์ข้อความอัปเดตเกี่ยวกับระบบลงทะเบียนคนละครึ่งรอบ 2 โดยมีเนื้อหาดังนี้
เนื่องจากมีผู้สนใจลงทะเบียน “โครงการคนละครึ่ง” เป็นจำนวนมาก ทางธนาคารจึงขอปิดการลงทะเบียนชั่วคราวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้รองรับกับจำนวนผู้ลงทะเบียน โดยจะทำการเปิดให้ลงทะเบียนอีกครั้งในเวลา 9.00 น.โดยประมาณ ทั้งนี้ธนาคารจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
โดยหลังจากที่เปิดลงทะเบียนเมื่อเวลา 09:00 น. มีคนแห่ลงทะเบียนเป็นจำนวนมากจนยอดลงทะเบียนเต็มเมื่อเวลา 09:17 น. เพียงแค่ 17 นาทีเท่านั้น สิทธิ์ที่เหลือก็เต็มอย่างรวดเร็ว และรัฐเองก็ขยายเวลาเพิ่มรอบที่ 3 ในวันที่ 19 พ.ย. 2563 จำนวน 722,598 สิทธิ์ โดยเป็นการรวบรวมสิทธิ์คงเหลือจากผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านการตรวจสอบสิทธิในรอบที่ผ่านมา และเช่นเคยเปิดปุ๊บหมดปั้บทันที เรื่องของฟรี ทุกอย่างจะเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็วตามไตล์เรา…
เอาล่ะเราก็พอทราบถึงความยากของการลงเบียนกันมาพอสมควรแล้ว ทีนี้เรามาดูว่าเจ้า “คนละครึ่ง” นี่มันมีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง
พอมาถึงตรงนี้แล้ว ทุกคนก็พอจะทราบแล้วว่าเงื่อนไขของโครงการเป็นอย่างไร และก็ยังมีแอป “เป๋าตัง” กันอยู่ ที่เคยใช้ในโครงการที่แล้ว มาครั้งนี้ก็ยังใช้เหมือนเดิม เพิ่มติมคือ การใช้งานคนละครึ่ง ขอข้ามการลงทะเบียนและเปิดแอปเลยละกัน เพราะน่าจะใช้งานกันมาบ้างแล้ว
ทีนี้มาอธิบายต่อว่า “คนละครึ่ง” มันคือยังไง อันดับแรกก็ให้เข้าใจก่อนว่า รัฐจะช่วยเราจ่ายเงินวันไม่เกิน 150 บาท เท่านั้น ถ้าเกินกว่านี้ จ่ายเพิ่มเติมหรือหักเงินจากเป๋าตังส่วนต่างเต็มราคา เช่น
- มานะซื้อเนื้อหมูในราคา 80 บาท เราก็จะจ่ายจริงในแอปเป๋าตังแค่ 40 บาท เท่านั้น เพราะอีก 40 บาท ระบบจะออกให้ (มานะเหลือเงินจากโครงการ 110 บาท)
- มานะซื้อกุ้งในราคา 220 บาท มานะก็จะได้จ่ายค่ากุ้งเพียง 110 เท่านั้น ส่วนที่เหลือ ระบบออกให้ (มานะเหลือเงินจากโครงการ 0 บาท) วันนี้มานะใช้เงินครบ 150 จากระบบแล้วนั่นเอง ต้องรอวันถัดไป ระบบจะเริ่มให้หักใหม่อีก 150 บาท
เอาละพอเห็นภาพกันหรือยังว่า ระบบทำงานยังไง นั่นหมายความว่า เราก็ต้องซื้อของไม่เกิน 300 ต่อวันเท่านั้น (เราออก 150 บาท / รัฐออก 150) ซึ่งเราเองก็จะต้องมีเงินในแอปเป๋าตังด้วยเช่นกัน ถ้าใช้ไม่ถึงระบบก็จะเก็บยอดไว้ใช้วันถัดไป (รวมตลอดโครงการจะได้ คนละ 3,000 บาท) ถ้าใช้ทันวันครบกำหนดคือวันที่ 31 ธ.ค. 63 นี้เท่านั้น ก็ลองคำนวณดูว่าถ้าเราใช้วันละ 300 บาท ต้องใช้กี่วัน
ซึ่งตรงนี้เองที่ตอนแรกไม่มีใครอยากใช้เพราะเราต้องมีเงินในระบบนี้แหล่ะเพราะครั้งก่อนรัฐให้เลย เดือนละ 5,000 บาท คนเลยคิดว่า เราจะไม่ต้องจ่ายอะไรเลย แค่เอาเงิน 150 บาทในแอปไปใช้ได้เลย ซึ่งไม่ใช่แบบนั้น เราต้องมีเงินในระบบที่เติมหรือฝากเข้าไปเท่านั้น พูดง่ายๆว่าต้องใช้เงินเราด้วยนั่นเอง เป็นเหตุให้ช่วงแรกของการเปิดลงทะเบียนเงียบไม่ค่อยมีคนสมัครนั่นเอง
แต่ก็อย่างว่า…..มีโครงการแบบนี้ทีไร พวกที่หัวใสก็มีออกมาให้เห็นกันบ้าง เช่น เพิ่มราคาสินค้า หรือแม้กระทั่ง หลอกระบบว่ามีการซื้อขาย แต่เป็นการใช้สิทธิ์ ตัวเองในการ หลอกว่าเป็นลูกค้าซื้อ ก็มีให้เห็น นายออนไลน์ขอร้องว่า อย่าทำแบบนั้นเลย คนอื่นเขาใช้งานได้ประโยชน์จริงๆ อิ่มท้อง มีเหลือเพื่อเก็บไว้กินวันอื่นอีก
โอกาศหน้า นายออนไลน์ จะมาแนะนำวิธีใช้งานกันนะ วันนี้ขอไปใช้ “คนละครึ่ง” ก่อนละกันเดี๋ยวใช้ไม่หมด บ๊าย…บาย…
สรุป
- โครงการนี้ถือว่าประชาชนได้ใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน
- ได้ประโยชน์ทั้ง คนซื้อ และ คนขาย
- ใช้งานง่าย ลดการสัมผัส
- โอกาศในการเพิ่มยอดขายสูงขึ้น
- โอกาศในการซื้อมีมากขึ้น
ข้อสังเกตุ
- เสียเวลาในการชำระค่าสินค้ามากขึ้น
- ระบบอาจช้าบางครั้ง
- ระยะเวลาในการใช้งานงาน สั้นเกินไป (สิ้นสุด 31 ธ.ค. 2563)